ภาพวัชรปาณีปางปกติและปางปราบมาร หรือปางดุร้าย ตามความเชื่อ อินเดีย ธิเบต จีน ญี่ปุ่น และเขมรโบราณ (ขอม)
ภาพแผนผังโคลงตรีพิธพรรณ
ที่มา http://www.watmoli.com/poetry-chapter4/supharp/4112.html
๐ วัชรสัตว์อ้าง.............อินทรา องค์ฤา
พิทักษา กุศล................ก่อสร้าง
โพธิสัตว์ธรรมา.............มากเลิศ บุญแล
ขวา, วชิระข้าง..............จ่อจ้องจำลักษณ์ ฯ|
๐เฉกศักรินทร์รุ่งฟ้า.......วัชระ ถือนา
ผจญอสูรสัตว์.................สุขให้
ตรีโพธิสัตวะ..................วอนรักษ์ โลกแล
วัชรปาณิไซร้.................หนึ่งอ้างนับถือ
(By M. Rudrakul)
หมายเหตุ:
๑. มีการใช้คำตายแทนรูปเอก
๒. แต่เดิมแรกสุดวัชรปาณี หรือวัชรโพธิสัตว์มหาสัตว์ หรือวัชรสัตว์ (วัชรสัตตวะ - ในภาษาสันสกฤตพุทธศาสนา) คือพระอินทร์ในศาสนาฮินดู แต่ต่อมาเมื่อพุทธศาสนารับเข้ามาใส่พุทธศาสนามหายานจึงได้กลายเป็นพระโพธิสัตว์ผู้เคียงข้างกับพระพุทธเจ้าศากยมุนี (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ตนหนึ่ง และเป็นเจ้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นราชาพวกเทวดา และคนธรรพ์ แต่ต่อมาเมื่อมีการยกว่าพระโพธิสัตว์อยู่สูงกว่าเทพฮินดูจึงมีการสร้างตำนานว่า วัชรปาณีเป็นผู้สังหารพระมเหศวรปางหนึ่งของพระศิวะ เช่นเดียวกับรูปปั้นพระมัญชุศรีกระทืบพระคเณศ และอาจจะด้วยอิทธิพลของศาสนาไชนะด้วยส่วนหนึ่งที่นับถือเรียกพวกเทวดาว่ายักษ์ สมัยต่อมาจึงว่า วัชรปาณีเป็นราชาพวกยักษ์ ก็ไม่แปลกเพราะท้าวกุเวรและยักษ์ทั้งหลายในตำนานอินเดียเป็นพวกของเทวดา ส่วนพวกอสูรเป็นพวกเดียวกับรากษส (ทศกัณฐ์เป็นราชาพวกรากษส Vampire หรือผีปอบแขก ไม่ใช่ยักษ์ในเรื่องรามายณะทุกสำนวนในอินเดีย) วัชรปาณีมักปรากฏเคียงคู่กับพระมัญชุศรี และปัทมปาณี (ปางหนึ่งของอวโลกิเตศวร) ซึ่งน่าจะมีนัยสำคัญกับพุทธศาสนามหายาน นิกายวัชรยาน (ที่มีความเชื่อเรื่อง "การตรัสรู้แจ้งได้ฉับพลันเร็วดุจสายฟ้าฟาด" และมีการผสานเทพฮินดูจำนวนมากมาเป็นโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน พร้อมกับลัทธิตันตระ ยันตระ และมันตระ)
๓. คนที่แปล wiki มาก็จะแปลแต่ว่า วัชรปาณีเป็นยักษ์ตนหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากไม่อ่านเนื้อความภาษาอังกฤษทั้งหมด
ภาพแผนผังโคลงตรีพิธพรรณ
ที่มา http://www.watmoli.com/poetry-chapter4/supharp/4112.html
๐ วัชรสัตว์อ้าง.............อินทรา องค์ฤา
พิทักษา กุศล................ก่อสร้าง
โพธิสัตว์ธรรมา.............มากเลิศ บุญแล
ขวา, วชิระข้าง..............จ่อจ้องจำลักษณ์ ฯ|
๐เฉกศักรินทร์รุ่งฟ้า.......วัชระ ถือนา
ผจญอสูรสัตว์.................สุขให้
ตรีโพธิสัตวะ..................วอนรักษ์ โลกแล
วัชรปาณิไซร้.................หนึ่งอ้างนับถือ
(By M. Rudrakul)
หมายเหตุ:
๑. มีการใช้คำตายแทนรูปเอก
๒. แต่เดิมแรกสุดวัชรปาณี หรือวัชรโพธิสัตว์มหาสัตว์ หรือวัชรสัตว์ (วัชรสัตตวะ - ในภาษาสันสกฤตพุทธศาสนา) คือพระอินทร์ในศาสนาฮินดู แต่ต่อมาเมื่อพุทธศาสนารับเข้ามาใส่พุทธศาสนามหายานจึงได้กลายเป็นพระโพธิสัตว์ผู้เคียงข้างกับพระพุทธเจ้าศากยมุนี (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ตนหนึ่ง และเป็นเจ้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นราชาพวกเทวดา และคนธรรพ์ แต่ต่อมาเมื่อมีการยกว่าพระโพธิสัตว์อยู่สูงกว่าเทพฮินดูจึงมีการสร้างตำนานว่า วัชรปาณีเป็นผู้สังหารพระมเหศวรปางหนึ่งของพระศิวะ เช่นเดียวกับรูปปั้นพระมัญชุศรีกระทืบพระคเณศ และอาจจะด้วยอิทธิพลของศาสนาไชนะด้วยส่วนหนึ่งที่นับถือเรียกพวกเทวดาว่ายักษ์ สมัยต่อมาจึงว่า วัชรปาณีเป็นราชาพวกยักษ์ ก็ไม่แปลกเพราะท้าวกุเวรและยักษ์ทั้งหลายในตำนานอินเดียเป็นพวกของเทวดา ส่วนพวกอสูรเป็นพวกเดียวกับรากษส (ทศกัณฐ์เป็นราชาพวกรากษส Vampire หรือผีปอบแขก ไม่ใช่ยักษ์ในเรื่องรามายณะทุกสำนวนในอินเดีย) วัชรปาณีมักปรากฏเคียงคู่กับพระมัญชุศรี และปัทมปาณี (ปางหนึ่งของอวโลกิเตศวร) ซึ่งน่าจะมีนัยสำคัญกับพุทธศาสนามหายาน นิกายวัชรยาน (ที่มีความเชื่อเรื่อง "การตรัสรู้แจ้งได้ฉับพลันเร็วดุจสายฟ้าฟาด" และมีการผสานเทพฮินดูจำนวนมากมาเป็นโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน พร้อมกับลัทธิตันตระ ยันตระ และมันตระ)
๓. คนที่แปล wiki มาก็จะแปลแต่ว่า วัชรปาณีเป็นยักษ์ตนหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากไม่อ่านเนื้อความภาษาอังกฤษทั้งหมด
In early Buddhist legends, Vajrapāni is a minor deity who accompanied Gautama Buddha during his career as a wandering mendicant. In some texts he is said to be a manifestation of Shakra (ท้าว "ศักระ"), king of the Traayastrimsha (ตรายสตรึศะ ไทยใช้ "ไตรตึงษ์") heaven of Buddhist and Hindu cosmology and god of rain as depicted in the idols of the Gandharva. As Śakra, it is said that he was present during the birth of Tathagata. As Vajrapāni he was the god who helped Gautama escape from the palace at the time of his renunciation. When Sakyamuni returned from Kapilavastu (กบิลวัสตุ ไทยใช้ "กรุงกบิลพัสดุ์") he is stated to have assumed eight forms of devas who escorted him.